เวลาออกเดทกับใคร เคยสงสัยมั้ยคะว่า ผู้ชาย? เขาคิด อย่างไรเกี่ยวกับตัวเราบ้างนะ และนี่เป็นอีก 10 อย่างที่ผู้ชายมักมองเห็น และใช้ประเมินตัวตนที่แม้ของหญิงคนนั้นภายใน 10 วินาทีแรกที่เจอกัน

1. ความมั่นใจ
ผู้ชายส่วนใหญ่มักมองหาความมั่นใจในตัวผู้หญิงเป็นอันดับแรก ซึ่งสังเกตได้จากการทักทาย น้ำเสียง และการสบตา หากคุณสามารถพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติก็ถือว่าชนะใจเขาไปเกือบครึ่งแล้วละค่ะ

2. ความเพอร์เฟ็กต์
ผู้หญิงที่ดูดีไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือแม้แต่กระทั่งเล็บเท้าที่ถูกแต่งแต้มมาอย่างกิ๊บเก๋ มีสไตล์ มักทำให้ผู้ชายคิดว่า เธอดูเพอร์เฟ็กต์เกินไปหรือดูเชี่ยวเกินไป ซึ่งอาจหมายความรวมไปถึงเจ้าชู้มากเกินไปนั่นเองค่ะ

3. ความเซ็กซี่
แน่นอน ผู้ชายมักชอบมองผู้หญิงที่ความเซ็กซี่อยู่แล้ว แต่ความเซ็กซี่ก็ไม่ได้ตัดสินจากหน้าตาหรือเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงกิริยาท่าทาง น้ำเสียง และการใช้สายตาด้วยต่างหากล่ะ ถึงแม้ว่าคุณเกิดมาหน้าตาไม่สะสวยอย่างอั้ม-พัชราภา แต่หากฉลาดที่จะแสดงออก อย่างเช่น แทนที่จะทักทายเฉยๆ ก็ลองสบตาสักครู่ พร้อมกับแย้มริมฝีปากนิดๆ ก็ทำให้คุณ กลายเป็นสาวที่น่าค้นหาได้เลยนะคะ

4. โสดหรือเปล่า
ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะแอบสังเกตว่า คนที่ปลื้มอยู่นั้นมีเจ้าของหรือยัง ซึ่งมองได้จาก หากมีชายหน้าตาดีเดินผ่านมา หญิงที่มีแฟนอยู่แล้วมักจะทำได้แค่มองเพียงแวบเดียว แต่ถ้ายังโสดอยู่ละก็ อาจถึงขั้นหันไปทั้งตัวได้เลยนะ

5. นิสัยชอบชิงดีชิงเด่น
ในกรณีที่คุณกำลังดินเนอร์กับชายหนุ่มอยู่นั้น เผอิญมีหญิงไม่ทราบที่มาเดินเข้ามาทักเขาเฉยเลย แถมยังทำมึนไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาอีกด้วย ถ้าหากคุณเกิดโวยวายและมองอย่างเกรี้ยวกราดละก็ เขาคงไม่แฮปปี้แน่ๆ แต่ถ้าคุณทำสุขุมและนิ่งเฉย นั่นแหละจะสร้างความประทับใจให้กับเขาอย่างไม่รู้ลืมเลยละ

6. สายตาจ้องจับผิด
เมื่อคุณถูกแนะนำให้รู้จักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง อย่า! ใช้สายตาเพื่อสแกนเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าเชียวนะคะ เพราะผู้ชายคงจะไม่ชอบแน่ หากโดนจับจ้องด้วยสายตาแบบนี้

7. ความ Friendly ผู้ชายส่วนมากมักมองหาความเป็นมิตร ความเรียบง่ายๆ สบายๆ และมีอารมณ์ขันในตัวหญิงสาว เพราะเขาจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อต้องออกเดทกับคุณไงล่ะ

8. รูปร่าง
รูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ว่าหุ่นคุณจะไม่เซ็กซี่อย่างน้องแตงโม หรือหน้าตาไม่น่ารักถึงขั้นน้องมด หากแต่มีความมั่นใจในรูปร่างของตัวเองแล้ว บุคลิกที่แสดงออกมาก็จะดูดีไปด้วย แถมยังช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับตัวคุณแบบไม่รู้ตัวอีกด้วยนะ

9. จู้จี้ขี้บ่น
ผู้ชายมักจะสังเกตผู้หญิงว่าจู้จี้ขี้บ่นหรือไม่จากการดูว่าคุณชอบขอเปลี่ยนเก้าอี้บ่อยๆ หรือเปล่า หรือชอบเล่าว่าวันนี้เจอปัญหาอะไรมาบ้าง ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่เดทแรกระหว่างเขากับคุณ!

10. กำลังต้องการใครสักคน
เวลาที่เจอผู้ชายในเสปคที่ทั้งหล่อ เท่ และรวยสุดๆ หากคุณเผลอแสดงอาการปลื้มจนเวอร์ออกไปแล้ว อาจทำให้เขารู้ว่า คุณน่ะคงจะเพิ่งผ่านการอกหักมาหมาดๆ และกำลังมองหาเสาหลักอันใหม่อยู่แน่ๆ



ขอบคุณข้อมูลจาก ชุมชนการเรียนรู้

เวลาคนเราเป็นแฟนกัน ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จและสมหวัง "รักแล้วรักเลย" ไปซะทุกคู่ ว่ามะ ฮี่โธ่ ยังเคยเห็นตัวอย่างมาหลายคู่เลยที่รัก... รัก...รักอยู่วันเนี้ย แต่เผลอแป๊บเดียว...เอ้า ไหงเลิกกันซะแล้วล่ะ เอ้...เป็นงี้ได้ไงฟะ แต่บ่นไปงั้นหรอกนะ ใครจะรักจะเลิกกันก็เชิญเถอะจ้า

มาลองพิจารณาสังคมทุกวันนี้ดูดิ่ รู้สึกกันมั่ง รึเปล่าว่า มีสิ่งที่ทำให้แฟนถอยห่างจากกันง่ายเหลือเกิน จึงทำให้ใจคอของพวกเรา (บางคน) ไม่ค่อยอยู่กะเนื้อกะตัว ไม่มั่นคงในรัก คบกันไม่ค่อยยืด แถมบางรายยังชอบปล่อยตัวเผลอไผลไปชอบใจใครๆ แบบทีเดียวหลายคนซะด้วยสิเพราะคงไม่มีแฟนคู่ไหนจี๋จ๋าประสารักกันด้วยความราบรื่นตลอดเวลาแหงๆ บางคราคงต้องมีมั่งอ่ะที่ไม่เข้าใจกัน, พูดไม่ถูกหู หรือพูดกันไปพูดกันมา ตอนเริ่มต้นก็พูดภาษาดอกไม้กันดีหรอก แต่ปิดท้าย...ว้าย! ทำไมฟังแล้วแสลงหูจังฟะ เห็นมะโอกาสที่แฟนกันจะเข้าใจผิดน่ะมีเยอะเนอะอ่ะ งั้นมาไล่เรียงกันดูเถอะ ว่ามีตัวการอะไรบ้างน้าที่สามารถสั่นคลอน ความรักของคู่เลิฟให้ (เกือบ) ไปกันไม่รอดได้บ้าง เช่น......

1.มีพวกยุให้รำตำให้รั่วอยู่รอบๆ ตัวคู่รักไงเล่า
สงสัยคู่ของเราจะเป็นคู่กรรมแฮะ เพราะคนที่อยู่รายล้อมรอบเราน่ะเสล่อชอบสอดรู้ สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน แถมแค่นี้ยังไม่พอซะด้วยนะ ยังชอบวิพากษ์วิจารณ์คู่ของเราแบบเสียๆหายๆ ซึ่งไอ้เรื่องที่นำมาพูดน่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องปั้นน้ำ เป็นตัวทั้งนั้นแหละ หรือถ้ามีความจริงอยู่มั่งก็นิดหน่อยเหตุนี้ต่อให้ใจของคู่รักมั่นคงต่อกันเพียงใด แต่หากเผลอไผลไปได้ยินได้ฟังไอ้พวกไม่ประสงค์ดี ต่อคู่รักคู่นั้นบ่อยๆ เป็นใจใครก็ต้องหวั่นไหวมั่งละน่าแล้วสงสัยไหมว่า ทำไมพวกบ้าบอคอแตกเหล่านี้ถึงอยากทำให้คู่ของเราแตกแยกกันนัก? ปุจฉาข้อนี้ก็ง่ายมาก เพราะ พวกนี้เห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้น่ะซี ต้องคอยอิจฉาริษยาคอยตามรังควานไม่ให้คู่รักคู่นั้นแฮปปี้ เอนดิ้ง ไม่งั้นเดี๋ยวพวกนี้จะอกแตกตายกันละมั้ง ถึงต้องคอยเป็นมาร คอหอยและมารความรักคนอื่นเค้าอยู่ได้ ดังนั้น ใจคอของคู่รักจึงต้องหนักแน่นเอาไว้นะจ๊ะ ขืนเต้นไปตามแรงอิจฉาของพวกนี้ ก็เสร็จกันพอดี

2. มีมือที่ 3 โฉบเฉี่ยวเข้ามายั่วกิเลสให้เบรกแตกกันไปข้าง

ไอ้หยา ถ้าขืนความรักของคุณถูกพวกชอบตื๊อ เข้ามากวนประสาททำลายบรรยากาศรักละก็ คู่รักคู่นั้นควรตั้งสติเพื่อรับมือกับ "พวกชอบแย่งแฟนชาวบ้าน" ร่วมกันให้ดีๆนะฮ้า อย่าปล่อยให้พวกชอบทำตัวเป็นมือที่สามใช้มารยาทำทีมากระแซะกระเซ้าและหลอกล่อให้สมาธิของคู่รักฝ่ายใดฝ่ายนึงไขว้เขวหรือตบะแตกเข้าล่ะ เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหลงละเมอไปกะไอ้พวกนี้เพียงครั้งเดียวละก็ คิดรึว่า ต่อไปอีกฝ่ายจะเชื่อใจคู่รักของตัวเอง...ไม่มีทาง! ดังนั้น หากคู่รักคู่ใดเจอ "พวกชอบรักคนมีเจ้าของ" เมื่อไหร่ ต้องช่วยกันปิดหูปิดตาตัวเอง ไว้ดีๆ อย่าให้มันยั่วยวนจนเอาชนะกิเลสไปได้เชียว

3. ฐานะของคู่เลิฟที่แตกต่างกันจนเว่อร์ ก็อาจทำให้ไปกันไม่รอดได้
เอ้าคิดดูนะ ถ้าฝ่ายชายเป็นหนุ่มชาติตระกูลดี แถมครอบครัวมีตังค์ เกิดไปจับคู่กับสาวชาวบ้านขาย ส้มตำน้ำตกเข้า รับรอง ครอบครัวของพวกเค้าเองนั่นแหละที่จะอึดอัดกับความรักของคู่นี้ โดยเฉพาะครอบครัวของฝ่ายชาย คงพยายามเบรกลูกชายไว้สุดฤทธิ์ เพราะอยากให้ไปรักคนที่มีฐานะใกล้เคียงกับพวกเค้ามากกว่าน่ะเซ่ แต่ว่าไปถ้าเกิดฝ่ายหญิงรวยโคตรเป็นไฮโซละก็ แปลกแฮะที่ฝ่ายชายมัก ได้รับการยอมรับให้เป็นแฟนง่ายกว่าแฮะ ถ้างั้น เวลาจะคว้าใครมาเป็นแฟนควรดูตาม้าตาเรือสักนิดก่อนว่า ไม่ได้มีฐานะต่างกันสุดขั้วเกินไปแน่นะ ไม่งั้นเดี๋ยวรักของคู่นี้จะมีปัญหา เตือนเพราะรักจริงๆนะน้อง
4. แล้วถ้ารักแท้เกิดแพ้ระยะทางขึ้นมาล่ะ ก็มีสิทธิ์ทำให้แตกกระเจิงกันได้
เวลามีความรัก ขอบอกเลยจ๊ะว่า อย่าพยายามแยกห่างจากกันแบบไปอยู่ไกลหูไกลตากันนานๆ... ขอเน้นคำว่าห่างกันนานๆ เชียวนะ เพราะคู่ที่ห่างกัน ด้วยระยะทางเนี่ย มีความเป็นไปได้มากน่ะสิว่า แต่ละฝ่ายจะไปเจอสิ่งใหม่ๆ, บรรยากาศใหม่ๆ, แม้แต่คนใหม่ๆ จนทำให้ "ความรักที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตากัน" อ่อนพลังลงไปจนแทบไม่เหลือความผูกพันให้กันแล้วน่ะซี

5. ช่องว่างระหว่างวัย ถ้าห่างกันมากไปอาจไม่ใช่รักแท้ก็ได้
เพราะรักต่างวัย ดูไปคล้ายกับผู้ใหญ่แอบมีกิ๊กหรือเลี้ยงเอ๊าะๆไว้เล่นๆซะมากกว่าน่ะสิ แต่แหม เรื่องนี้จะให้ฟันธงไปซะทุกคู่ก็ไม่ได้ เนื่องจากบางคนเค้าชอบมีคู่ใจที่อายุมากกว่าหรือน้อยกว่ากันจริงๆก็มีนี่หว่า โถ...ขอให้ใจเราตรงกัน เรื่องอายุมันก็แค่ตัวเลข 555

6. วันหยุดที่ไม่ตรงกัน แล้วจะแสดงความรักให้ซึ้งใจกันได้ไงวุ้ย
ถ้าคุณทำงานเป็นกะ ส่วนเค้าทำงานตามเวลาราชการ แล้วคุณทั้งสองก็มีวันหยุดไม่ตรงกันซะด้วย เพราะเค้าอาจได้หยุดวันเสาร์อาทิตย์ เดะๆ ส่วนวันหยุดของคุณมีการหมุนไปเป็นวันธรรมดาซำเหมอ นี่ก็เป็นอีก 1 อุปสรรครักนะยะที่ทำให้พวกคุณ ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวที่จะหนุงหนิงกันเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ

ดังนั้น เวลาที่พวกคุณจะได้อี๋อ๋อออเซาะกันแต่ละทีก็ต้องนัดกันให้ดีๆ เพราะเวลาที่มีแตกต่างกัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะปรับเข้ากันได้ง่ายๆ เลยนะ เหตุนี้ ความเข้าอกเข้าใจกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่บางคู่ก็บอกชอบนะที่มีเวลาไม่ตรงกันอย่างนี้ เพราะจะได้ไม่เบื่อหน้ากันอย่างรวดเร็วไง! งั้นขอให้เลิฟกันนานๆ นะ


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน มนุษย์เดินดินหรือจะสิ้นคนนินทาสุภาษิตนี้ช่างแทงใจดำเคล้าสีแดงของฉันจริงๆ ก็จะไม่ให้เศร้าได้อย่างไร เมื่อเพื่อนสาวสุดเลิฟกำลังเปิดปากพ่นน้ำลายใส่คนอื่นใน Topic เรื่องของฉัน งานเลยวิ่งเข้าตัวแบบไม่ตั้งใจ เอายังไงต่อดีล่ะ จะเดือดหรือจะดับ จะด่าหรือจะดิ่งดี ใครคิดไม่ออก เรามีคำตอบมาบอกให้ เอ้า!!สาวขี้เม้าท์ทั้งหลายเตรียมตัวรับมือกันเร็ว

1. มีสติ เราเข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนเม้าท์ดีว่า ทั้งสับสน ทั้งโกรธ ทั้งอาย หลายอารมณ์ผสมปนเปกันไปหมด ฉะนั้นสิ่งแรกที่เราอยากให้คุณผู้ถูกกระทำได้ลงมือทำคือ “มีสติ” แม้สมองจะเบลอเอ๋อไป 2 วิ ก็ต้องรีบฟื้นฟูให้สติสัมปชัญญะกลับมาโดยไว เพราะเมื่อมีสติจะทำให้เราคิดได้ว่า เอ๊ะ!!มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และยังไตร่ตรองถึงเหตุและผลว่า เธอผู้ที่เคยใช้คำว่า “เพื่อน” กับเราเขาทำอย่างนั้นจริงๆหรือ เขาทำไปทำไม และทำไปเพื่ออะไร ซึ่งพอสติมาจะทำให้เราเข้าใจเรื่องที่เกิดได้ง่ายขึ้นและไตร่ตรองได้ดีขึ้น เช่น เรากับเพื่อนโกรธกันอยู่หรือเปล่าหรือเพื่อนทำไปเพราะแกล้งเราหรือเปล่า ซึ่งถ้าพอจะทราบสาเหตุแล้ว ความโกรธและความแตกร้าวที่เกิดขึ้นก็อาจทุเลาลงไปได้บ้าง


2. นิ่งเฉย นาทีนี้ต้องยึดสุภาษิตที่ว่า “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” เอาไว้กับตัว แม้ความจริงคุณอยากร้องตะโกนให้คนอื่นรู้ว่า “หล่อนโกหกย่ะ อย่าไปเชื่อหล่อนนะ” แต่เราขอให้ห้ามใจและห้ามปากเอาไว้ค่ะ เพราะลองคิดดูสิว่า ใครเขาจะเชื่อคุณ ในเมื่อเพื่อนสาวได้แฉไปซะหมดแล้ว ในตอนนั้นคงไม่มีใครมารับรู้กับคุณหรอกว่า เรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหก ฉะนั้นนิ่งไว้ดีที่สุด อีกอย่างคือ จุดประสงค์ของคนที่นินทาคือเห็นความพ่ายแพ้ของอีกฝ่าย แต่คุณจะยอมเป็น Loser ให้เขาหัวเราะง่ายๆหรือ ฉะนั้นการวางตัวเฉย ไม่ใส่ใจเสียงนกเสียงกานั้นเริ่ดกว่าเป็นไหนๆ และเมื่อการปล่อยข่าวเม้าท์แบบโคมลอยไม่เป็นผลอะไรกับคุณ ยัยเพื่อตัวแสบนั่นแหละที่จะเป็น Loser ฮ่าๆๆๆ


3. เปิดอกคุย เป็นวิธีที่เราอยากแนะนำมากที่สุด กล่าวคือเมื่อเรื่องทั้งหมดเริ่มซาหรือความโกรธในใจคุณเริ่มเบาบางลงแล้ว เราอยากให้คุณเปิดใจคุยกับเพื่อนสาวให้เคลียร์จะได้ไม่ติดค้างกันไปตลอดชาติ ว่าทำไมถึงต้องพ่นข้อมูลร้ายๆใส่คนอื่นแบบนั้น ในกรณีที่คุณได้ยินเองเต็ม 2 รูหู ก็ควรจะคุยกันแค่ 2ต่อ2 แต่ถ้าในกรณีที่มีมือที่สามเข้ามาเป็นตัวกลางในการบอกเล่าให้คุณฟัง ก็ควรเพิ่มพยานปากเอกขึ้นมาอีกหนึ่ง ซึ่งการเปิดใจคุยกันถือเป็นการให้เกียรติอีกฝ่ายและเป็นการกระชากหน้ากากปลอมๆของอีกฝ่ายไปในตัว เพราะการเผชิญหน้ากันแบบตรงๆนั้น ยากต่อการโกหกยิ่งนัก ดังนั้นคุณจะได้ขุดคุ้ยเอาความจริงจากปากเพื่อนออกมาว่าสาเหตุจริงๆแล้วเกิดจากอะไรกันแน่ ถ้าเป็นเพราะเคืองคุณก็จะได้แก้ไขตัวเองได้ทัน อีกอย่างอาจเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณกับเพื่อนได้ปรับความเข้าใจกันแล้วหวนกลับมาคืนดีกันก็ได้ อย่างสาว Serena และสาวแสบอย่าง Blair ที่ไม่ว่าจะเม้าท์มอยกันมานานแค่ไหน แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันเข้าใจและกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันอีกจนได้



4. ทำความเข้าใจและทำตัวเองให้เข้มแข็ง ถ้าเคลียร์กับเพื่อนสาวเจ้าปัญหาเรียบร้อยแล้ว ก็ควรมาทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ไข อีกอย่างที่เราอยากให้คุณรีบทำคือ การทำความเข้าใจกับโลกใบนี้ให้มากขึ้น กล่าวคือ โลกเรามี 2 ด้านเสมอ คือด้านดีและด้านร้าย และความจริงคือ ไม่มีที่ไหนในโลกที่ไม่มีการนินทา ฉะนั้นเมื่อการนินทานั้นได้มาเกิดกับตัวคุณ ขอให้คุณเข้มแข็งไว้และอย่าปล่อยให้ปากคนมาทำร้ายความรู้สึกของตัวเอง คนเราจะพ่นลมออกจากปากมากแค่ไหนก็ได้ แต่ลมปากที่ลอยไปลอยมาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำร้ายคุณได้ นอกซะจากว่าคุณคว้ามันมาไว้ที่ตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าจะเจอคำพูดที่ร้ายแรงแค่ไหน แต่มันก็ไม่ร้ายไปกว่าการที่คุณเอามันมาทำร้ายตัวเองหรอกนะ


5. ถ้าคบกันมันลำบากก็เลิกซะเถอะ ข้อนี้เราขอให้เป็น Choice สุดท้ายที่คุณจะเลือกมาใช้ กล่าวคือถ้าเกิดว่าเคลียร์ก็แล้ว คุยก็แล้ว แต่ไม่สามารถก้าวเดินต่อกับเพื่อนคนนี้ได้จริงๆ ก็เลิกคบเถอะค่ะ ไม่ต้องเสียใจที่เสียเพื่อนไป เพราะถ้าเขาเป็นเพื่อนคุณจริงๆ เขาคงไม่ทำร้ายคุณแบบนี้ เสียใจตอนนี้ยังดีกว่าต้องเจอกับความร้ายกาจของเพื่อนคนนี้ในตอนที่สายจนเกินเยียวยา ให้คิดซะว่าถ้าการคบกันมันลำบากนักก็เลิกเถอะ มัวคบไปก็ไลฟ์บอย คนดีๆอย่างคุณยังมีอีกหลายคนที่อยากจะทำความรู้จักแน่ๆ เพื่อนเลวๆแบบนี้ทิ้งไปเถิดค่ะ

ใครที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ รีบทำตามที่เราบอกด่วนเลย ก่อนที่คุณจะต้องตกเป็นทาสลมปากของใครไปตลอดกาล





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เย็นตาโฟร์ดอทคอม